ที่ประชุมฯ มีมติทำตามพินัยกรรมหลวงพ่อคูณ บริจาคร่างกายให้แก่ รพ.ศรีนครินทร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ด้าน คณะลูกศิษย์ต่อรองขอไว้ว่าให้ตั้งบำเพ็ญกุศล 7 วันก่อน ด้าน รอง ผวจ.นครราชสีมา ให้ทาง รพ.ศรีนครินทร์ มข. ตัดสินใจ...
เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 16 พ.ค.นายบุญยืน คำหงส์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ได้เรียกประชุมคณะกรรมการวัดบ้านไร่เจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมา วัฒธรรมจังหวัดนครราชสีมา และคณะแพทย์ รพ.มหาราชนครราชสีมา เพื่อหารือในการดำเนินการเกี่ยวกับพิธีกรรมและการจัดการ กับสังขารพระเทพวิทยาคม (หลวงพ่อคูณปริสุทโธ) เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่
พระเทพสีมาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า มติที่ประชุมให้ทำตามพินัยกรรมฉบับสุดท้ายซึ่งหลวงพ่อคูณระบุไว้ อย่างชัดเจนตอนที่มีชีวิตอยู่และมีสติสัมปชัญญะว่าให้บริจาคร่างกายให้แก่ รพ.ศรีนครินทร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ซึ่งจะต้องทำตามพินัยกรรมที่ทำไว้ส่วนที่จะนำศพไปที่วัดบ้านไร่ได้ก่อนหรือไม่นั้น คงต้องรอคณะแพทย์จาก รพ.ศรีนครินทร์ มาถึงก่อนว่าจะอนุญาตตามที่ลูกศิษย์ขอไว้ว่าให้ตั้งบำเพ็ญกุศล 7 วันก่อน แต่หาก รพ.ศรีนครินทร์ จำเป็นต้องนำศพไปก็คงต้องรออีก 2-3 วัน จากนั้นจะคืนศพกลับมาบำเพ็ญกุศลได้
ทั้งนี้ พินัยกรรมฉบับสุดท้ายระบุว่าหากหลวงพ่อหมดลมหายใจให้นำศพไปบำเพ็ญกุศล ที่ รพ.ศรีนครินทร์ ภายใน 24 ชั่วโมง โดยประเด็นนี้ทางลูกศิษย์อยากจะขอไว้ก่อน เพราะหลวงพ่อคูณมี ศิษยานุศิษย์เลื่อมใสศรัทธามาก จึงอยากจะตั้งบำเพ็ญกุศลไว้ที่วัดก่อนที่จะมอบให้ทาง รพ.ศรีนครินทร์ นำไปศึกษา แต่ รอง ผวจ.นครราชสีมา ประธานในที่ประชุมได้แย้งว่า ต้องให้เป็นไปตามพินัยกรรมของหลวงพ่อคูณ ฉะนั้นจึงยังหาข้อยุติไม่ได้คงต้องรอปรึกษาคณะแพทย์จาก รพ.ศรีนครินทร์ ก่อนว่าจะดำเนินการอย่างไร
ล่าสุดเมื่อ 16.15 น.ที่ประชุมยึดตามพินัยกรรมของหลวงพ่อคูณ ที่จะมอบให้ทาง รพ.ศรีนครินทร์ นำไปศึกษา โดยจะมีการเคลื่อนสรีระร่างหลวงพ่อคูณในเวลา 20.00 น.วันนี้ (16 พ.ค.)
ต่อมา เมื่อเวลา 17.00น.เจ้าหน้าที่ รพ.นำสรีระร่างหลวงพ่อคูณขึ้นไปชั้น 9 เพื่อให้ผู้ใหญ่ของจังหวัดนครราชสีมาได้สรงน้ำศพ
สำหรับพระเทพวิทยาคม (หลวงพ่อคูณปริสุทโธ) เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา อายุ 92 ปี บรรพชามา 74 พรรษา โดยหลวงพ่อคูณได้ทำพินัยกรรมฉบับสุดท้ายไว้เมื่อปี 2537 ว่า บริจาคร่างกายให้กับมหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้นำไปศึกษาค้นคว้าและเมื่อสิ้นสุดการค้นคว้าแล้วให้จัดงานแบบเรียบง่าย อัฐิเถ้าถ่านและเศษทั้งหมดให้คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น นำไปลอยที่แม่น้ำโขง จ.หนองคาย หรือ ตามความเหมาะสม.