Breaking News
Loading...

Info Post



สำหรับนางเอกสาว ปุ๊กลุก-ฝนทิพย์ วัชรตระกูล ที่ตอนนี้ฝีมือการแสดงเธอพัฒนามาไกลจริง ๆ ตั้งแต่ในละคร “เรือนกาหลง” กระทั่งกับเรื่องล่าสุด “เพื่อนแพง” ที่เธอสวม “อีแพง”

ขึ้นแท่นเป็นหนึ่งนักแสดงคุณภาพไปอีกคน สำหรับนางเอกสาว ปุ๊กลุก-ฝนทิพย์ วัชรตระกูล ที่ตอนนี้ฝีมือการแสดงเธอพัฒนามาไกลจริง ๆ ตั้งแต่ในละคร “เรือนกาหลง” กระทั่งกับเรื่องล่าสุด “เพื่อนแพง” ที่เธอสวม “อีแพง” ก็ยังทำให้คนดูอินและได้รับเสียงชื่นชมอย่างต่อเนื่อง วันนี้ “ดาวต่างมุม” เลยขอนัดแนะสาวสวยคนนี้มานั่งพูดคุยแบบเจาะลึกทุกมุมมอง ทั้งเรื่องงานที่เธอทำการบ้านด้วยความตั้งใจ รวมไปถึงอัพเดทหัวใจ ซึ่งเจ้าตัวแอบกระซิบว่ายังโสด เพราะเธอเลือกเฟ้นแบบสุด ๆ

คาแรกเตอร์ “แพง” ใน “เพื่อนแพง” เป็นยังไง?
 “ตัวละครแพงค่อนข้างผูกพันกับพี่ลอ (เวียร์-ศุกลวัฒน์) เพราะตอนเกิดแพงทำให้แม่เสียชีวิต เลยทำให้พ่อกับเพื่อน (ยุ้ย-จีรนันท์) พี่สาวไม่รัก แต่มีพี่ลอที่ดูแลเรามาตั้งแต่เด็กจนโต ความยากคาแรกเตอร์นี้อยู่ที่เวลาอะไรมากระทบจิตใจแพง จากที่เคยเป็นเด็กร่าเริงอยู่ดี ๆ เขาต้องร้องไห้ มันต้องสวิตช์อารมณ์ค่ะ เพราะตัวละครนี้เป็นเด็ก ความรู้สึกจะไวและชัดเจนกับทุกอย่าง เวลาร้องไห้ก็ปล่อยโฮ เวลาสนุกก็สุดขีด คือเราผ่านช่วงเวลาเด็กแสนซนแบบนี้มานานมาก ตัวเราเข้าวงการมาก็เป็นผู้ใหญ่ระดับนึง แววตาเราก็เป็นผู้ใหญ่ที่ทำงานแล้ว แต่ตัวละครนี้จะใสซื่อ เรื่องนี้หนูเลยทำการบ้านค่อนข้างหนักตรงที่เราไม่ได้สร้างคาแรกเตอร์ขึ้นมาใหม่ แต่ใช้วิธีดึงความทรงจำเราในสมัยเด็กออกมา ทำความเข้าใจตัวละครนี้ให้มากขึ้นค่ะ” 

ได้รับคำชมมากกับบทร้องไห้ มีวิธีเข้าถึงบทบาท “แพง” ยังไง? 
“เรื่องนี้ทำการบ้านหนักมากจริง ๆ ค่ะ ตอนได้บทมาไม่มีฉากไหนเลยที่หนูคิดว่าตัวละครนี้ไม่ควรร้องไห้ เพราะหนูเชื่อว่ามีคนแบบแพงอยู่บนโลกนี้จริง ๆ คนที่หัวเราะอยู่ดี ๆ พอเจอคำพูดกระแทกใจเด็กมีปม เขาก็ร้องไห้ได้ ดังนั้นสิ่งที่หนูทำการบ้านหนักคืออินเนอร์ลึก ๆ ของตัวละครนี้ ความเจ็บช้ำที่เรามีพี่ชายคนเดียวที่ดูแลเรามาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ววันนึงเขาต้องไปแต่งงาน มันเป็นความรู้สึกสูญเสีย หนูเทียบกับหนูมีพี่ผู้จัดการที่สนิทกันมาก ถ้าวันนึงเขาต้องแต่งงาน เราถูกแบ่งความรักไปคงใจหาย เราใช้เทียบบทให้เข้ากับชีวิตจริงเรา ซีนอารมณ์ทุกฉากหนูไม่ได้มาบังคับตัวเองว่าต้องร้องไห้ แต่พยายามนึกว่าความรู้สึกอะไรบ้างที่มากระทบจิตใจแล้วทำให้ตัวละครนี้ร้องไห้ได้ เวลาที่เล่นแล้วคิดว่าต้องร้อง มันทำให้เราร้องไห้ได้จริง แต่เราไม่รู้สึกแบบนั้นด้วย ดังนั้นมันเป็นอินเนอร์มากกว่าที่หนูพยายามเป็นแพงค่ะ” 

เข้าวงการมา 4 ปีแล้ว มุมมองต่อวงการเปลี่ยนแปลงแค่ไหน? 
“ก็เปลี่ยนนะคะ เด็ก ๆ หนูเข้ามารู้สึกสนุกมาก ทุกอย่างเราทำไปแบบไม่คิดหน้าคิดหลัง เหมือนมาเล่นกับเพื่อน แต่พอวันนึงเราโตขึ้น ถึงรู้ว่ามันเป็นโลกแห่งความเป็นจริงที่เราต้องเรียนรู้ และปรับเปลี่ยนความคิดให้โตขึ้น จากตอนแรกที่คิดว่าเป็นงานอดิเรกแต่ตอนนี้มันกลายเป็นอาชีพไปแล้ว ดูว่าตัวเองทำไปเพื่อเป้าหมายอะไร อะไรที่ทำให้เราพัฒนาตัวเองได้บ้าง ทุกวันนี้เราทำดีรึยังและยังทำดีได้มากกว่านี้มั้ย จากแต่ก่อนมองแต่ตัวเอง ตอนนี้เราต้องดูความสามารถของนักแสดงแต่ละคนว่าพัฒนาไปถึงไหนแล้วด้วย มองคนอื่นให้มากขึ้น และพัฒนาตัวเองให้ถึงเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้” 

เป้าหมายเราคืออะไร? 
“หนูอยากเป็นนักแสดงที่คนมองว่ามีความสามารถ อยากขึ้นไปบนเวทีแล้วรับรางวัล ทุกฉากทุกบทที่เราเล่น ไม่ใช่แค่อ่านบทแล้วเราเข้าฉากเลย เรามีการสร้างแบ๊กกราวด์ตัวละคร มีการเรียนการแสดง ปรึกษาผู้กำกับ แต่ละฉากที่ออกมาเรารู้สึกว่าเราตั้งใจทุ่มเท ดังนั้นจึงอยากยืนอยู่จุดนั้น อย่างเรื่องแพงหนูก็คาดหวังจะได้รางวัลนะ แต่รางวัลของหนูคือทั้งกระแสตอบรับที่ดีจากคนดู และถ้วยด้วยค่ะ” 

นักแสดงในความหมายของปุ๊กลุกคืออะไร? 
“นักแสดงสำหรับหนูนอกจากการแสดง เราต้องเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับคนรุ่นใหม่ด้วย ต้องรักษามาตรฐานที่ตั้งไว้ วันแรกเราเข้ามาในฐานะนักแสดงยังไง วันนี้ถามตัวเองว่าเรายังเป็นแบบนั้นอยู่มั้ย เช่นวันแรกมาตรงเวลา แล้ววันนี้ที่เรามีชื่อเสียงมากขึ้น เรายังเป็นแบบนั้นรึเปล่า เรายังคงทำการบ้านมากเหมือนตอนที่เราอยากได้บทดี ๆ ในตอนแรกอยู่มั้ย มันคือวินัย ความเสมอต้นเสมอปลาย ที่สำคัญนักแสดงที่ดีต้องไม่ดูถูกคนดู บทละครจะยากหรือง่าย เวลาที่อ่านบทหรือแสดงต้องถามตัวเองว่าเราทำดีที่สุดหรือยัง เราเล่นละครด้วยความซื่อสัตย์ว่าคนดูจะได้รับสิ่งที่ดีที่สุดกลับไปในการดูละครของเราค่ะ” 

อยู่ในวงการย่อมมีข่าวทั้งดีและไม่ดี เราเติบโตขึ้นจากข่าวคราวเหล่านี้มากแค่ไหน? 
“หนูรู้สึกตัวเองโตขึ้นนะคะ แต่ก่อนเราชอบพูดจาโผงผาง บางทีไม่ได้คิดอย่างนั้น แต่ด้วยความที่เราข้ามจากช่วงวัยรุ่น ช่วงที่เรายังพูดเล่นสนุกสนานกับเพื่อนอยู่ พอวันนึงเราไม่สามารถเอาคำพูดสนุกสนานในกลุ่มแค่ 5-6 คนมาพูดในการสัมภาษณ์ให้คน 60 ล้านคนที่มองดูเราอยู่ได้ จึงได้เรียนรู้ในบางคำพูดที่คนฟังข่าวอาจเข้าใจผิดเพี้ยนไปจากใจที่เราอยากบอก จึงต้องเลือกคำที่เหมาะสม แต่ยังคงเป็นไปตามความรู้สึกที่เราอยากให้เป็นค่ะ”





ด้วยความที่เราสนิทกับ “อั้ม-พัชราภา” ซูเปอร์สตาร์เมืองไทย เลยไม่พ้นถูกมองว่าเกาะกระแสอั้มดัง?
 “พี่อั้มเป็นซูเปอร์สตาร์ที่ใคร ๆ ก็จับตามอง ไม่ว่าเขาจะทำอะไร สนิทกับใคร หนูว่ามันเป็นเรื่องปกตินะที่คนจะโฟกัสว่าทำไมหนูถึงมาสนิทกับพี่อั้มได้ แรก ๆ หนูก็นอยด์ว่าทำไมคนถึงมองแบบนี้ แต่พอกาลเวลามันพิสูจน์หลายอย่าง สำหรับหนูก็ยังเหมือนเดิม คนน่าจะเข้าใจมากขึ้นว่าการที่คน ๆ นึงมารู้จักกัน มันต้องมีอะไรมากกว่าการหวังอย่างอื่น ซึ่งหนูเชื่อว่าคนที่มีโอกาสได้เห็นหนู ก็จะเข้าใจว่าหนูรักพี่อั้มจริง ๆ ค่ะ” 

เราเองก็เป็นนักแสดงที่มีความสามารถ คำว่าเกาะกระแสทำให้เราซีเรียสมั้ย? 
“การเป็นนักแสดง ณ ปัจจุบันนี้ เป็นเรื่องปกติที่คนอยากรับรู้ชีวิตเราและต้องมีคำถามขึ้นมา เราก็ตอบไปตามความเป็นจริง หนูเลือกแล้วว่าอยากเป็นนักแสดง และคนก็ย่อมอยากรู้เรื่องเรา เราก็แค่ตอบไป เลยไม่ได้ซีเรียสกับคำถาม ถ้าเรามีโอกาสได้ตอบความจริง เราอยู่ด้วยความจริงใจค่ะ ส่วนที่เหลือแล้วแต่ว่าคนได้มองเห็นเราในมุมไหนบ้าง แต่หนูเชื่อว่าวันนึงถ้าเขามีโอกาสได้เห็นเราจริง ๆ ก็จะเข้าใจว่าเราเป็นยังไง” 

เวลามีข่าวไม่ดีหรือไม่ตรงความจริง มีวิธีรับมือยังไง? 
“ถ้าข่าวไม่จริง หนูก็ปฏิเสธไป โชคดีตรงที่มีพี่นักข่าวที่รู้จักหนูตั้งแต่เข้าวงการมาใหม่ ๆ และเขามีพื้นที่สัมภาษณ์ให้เราชี้แจงสิ่งที่ไม่เป็นความจริง เลยไม่รู้สึกนอยด์เวลามีข่าวไม่ดี ขอแค่มีพื้นที่ได้พูดความจริง ส่วนคติการใช้ชีวิตในวงการของหนู คือการทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ถ้าเรายังไหวต้องทำให้ดีขึ้นอีก หาสิ่งที่ดีที่สุดให้อาชีพและงานเราออกมาสมบูรณ์ที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ คือเราต้องไม่หยุดนิ่งที่จะพัฒนาตัวเอง มันมีบางทีที่เราอยากหยุด ทุกอาชีพแหละที่รู้สึกเหนื่อย แต่เราต้องไม่ยอมให้ตัวหยุด เพราะถ้าหยุดคือเราแพ้ หนูเชื่อว่าคนที่ไม่หยุดนิ่ง และพยายามหาทุกคำติมาพัฒนาตัวเอง น่าจะเป็นอะไรที่ดีที่สุดค่ะ” 

สิ่งที่ภูมิใจที่สุด? 
“หนูภูมิใจที่ได้มาเชื่อพระเจ้า ตั้งแต่ที่หนูเชื่อพระเจ้ามุมมองต่อคนรอบข้างเปลี่ยนไป แต่ก่อนเรามองบางอย่างด้วยแง่ลบ ทำให้ไม่มีโอกาสรู้จักคนอื่น แต่พอวันนึงที่เรามีโอกาสได้รู้จักพระเจ้า เรามองโลกกว้างขึ้น เข้าใจคนอื่นมากขึ้น อยากเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เป็นคนดีที่สุดในสายตาพระองค์ หนูเริ่มมาเชื่อพระเจ้าหลังจากเกิดข่าวแรงที่สุดในชีวิต ทำให้เราอยากเจอสิ่งที่ได้พักพิงจิตใจค่ะ” 

ถามถึงหัวใจบ้าง ทุกวันนี้ยังไม่เห็นมีตัวจริงสักที ครั้งนี้ดูโสดนานเหมือนกัน? 
“บางทีประสบการณ์ในอดีตมันทำให้เราต้องเลือกมากขึ้นหลายเท่า จากแต่ก่อนเราใช้ความรู้สึกตัดสินใจ แต่ ณ วันนี้เราต้องใช้ทั้งหัวใจและสมอง เราโตขึ้นในระดับที่ไม่ว่างมานั่งใช้เวลาฟรี ๆ ทุกเรื่องต้องผ่านการ กลั่นกรองเพื่อให้ได้สิ่งที่ดีที่สุดในชีวิต งานเรายังเลือกและทำให้ดีที่สุดเพื่อตัวเรา ฉะนั้นการเลือกใครสักคนมาใช้ชีวิตคู่กับเราต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุด และหลังจากที่เราใช้เวลานานในการเลือกคนเดียวแบบนี้ หนูก็รู้สึกว่าเราจะไม่เร่งมีใคร เพราะโดนถามเยอะ ถ้ารอมานานขนาดนี้เราก็ไม่อยากมาตายตอนจบค่ะ” 

เรื่องผู้ชายเรียกว่าต้องคัดแล้วคัดอีก? 
“คัดแล้วคัดอีกเหมือนช่อง 7 เอชดีเลย หนูอาจชัดกว่าช่อง 7 อีก (ยิ้ม) ไม่ใช่เราใจแข็งนะ แต่ ณ วันนี้เรามีความสุข เพราะหนูมีคนรอบข้างที่ดี เลยไม่ได้เหงาหรือต้องการใครสักคนมาเติมเต็ม วันนี้หนูเต็มแล้วค่ะ” 

ตอนนี้เลยรู้สึก โสด สวย ไม่หวั่นขึ้นคาน?
 “ถ้าถูกถามบ่อย ๆ ก็เริ่มหวั่นแล้วค่ะ (หัวเราะ) เวลาไปงานที ก็กลัวคนเบื่อคำตอบ แต่หนูยังโสดจริง ๆ คือมีคนเข้ามาพูดคุยกับเรา แต่ด้วยความที่เราไม่รีบ เลยไม่รู้สึกว่าต้องมีแฟนในทันที บางทีมันอยู่ในช่วงทดสอบทัศนคติ และสุดท้ายทัศนคติเขาก็อาจไม่ผ่าน รู้สึกว่าไม่ใช่ค่ะ” 

ณ ช่วงเวลาชีวิตแบบนี้ เราอยากได้แฟนที่มี ลักษณะยังไง? 
“มีความเป็นเพื่อน เวลาที่เราอยากพูดคุยยามมีปัญหา เราก็จะเลือกคนที่มีประสบการณ์มากพอสมควร ฉะนั้นคนที่จะเป็นแฟนเรา ต้องมีมุมมองใกล้เคียงกับเรา เป็นที่ปรึกษาได้ คอยดูแลเรา ถ้าดูแลเราไม่ดีเท่าคนรอบข้างที่ดูแลเราอยู่ ก็ไม่ต้องมี มันคงเหนื่อยมากขึ้น คนที่เข้ามาต้องดูแลให้ศักยภาพชีวิตเราเพิ่มมากขึ้น ไม่ใช่มานั่งทะเลาะกัน ต้องเข้าใจในงานที่เราโฟกัสด้วยค่ะ” 


แปลว่าคนที่เลือกต่อจากนี้ ปุ๊กลุกหวังเป็นคู่ชีวิตเลย? 
“จริง ๆ เวลาที่คบใครก็ไม่เคยคิดว่าต้องมาเลิกกัน ทุกครั้งที่ตัดสินใจคบใครหนูหวังให้เราได้คบไปเรื่อย ๆ คบระยะยาว เลยต้องดูว่าคนที่เข้ามาเขาจะดำเนินชีวิตกับเราไปตลอด ชีวิตได้รึเปล่า จะช่วยเหลือเรา รักครอบครัวเรา และเขาจะเป็นครอบครัวเดียวกับเราได้มั้ยด้วยค่ะ” 

คาดหวังเรื่องการแต่งงาน หรือมีความคิดอยากใส่ชุดเจ้าสาวบ้างรึยัง? 
“หนูคิดว่าคนเราก็ต้องแต่งงานแหละ แต่แค่เรายังไม่ได้จินตนาการว่างานเราต้องเป็นแบบไหน รู้สึกว่ามันอีกนาน สำหรับเราตอนนี้ยังไม่คิดเรื่องนี้ มีเรื่องอื่นให้คิดเยอะกว่านั้น หนูอยากทำงานอยู่ แต่เราก็ไม่รู้นะ ปุ๊บปั๊บได้เจอคนที่ใช่ เราก็อยากแต่งงาน คือตอนนี้แฟนมันยังไม่มีไง เลยไม่รู้จะสร้างครอบครัวกับใครค่ะ (ยิ้ม)”

 เชื่อเรื่องพรหมลิขิตบ้างมั้ย? 
“ส่วนตัวหนูเชื่อเรื่องความเข้าใจมากกว่า ไม่ได้เชื่อพรหมลิขิต เพราะแฟนไม่ใช่แค่การคุยหวาน ๆ หยอดใส่กัน แต่มันคือการที่เรามีปัญหาเขาอยู่เคียงข้างเรารึเปล่า คำปรึกษาเขาส่งเสริมชีวิตเรามั้ย มันเป็นการลองคบหาดูใจ แล้วเรียนรู้ว่าทัศนคติเราสามารถมาเป็นคู่ชีวิตกันได้รึเปล่า มันเลยไม่ใช่การเจอกันแล้วปิ๊งปั๊งค่ะ”

 สุดท้ายฝากถึงแฟนคลับหน่อย? 
“หนูขอบคุณแฟน ๆ ทุกคนที่เปิดโอกาสให้หนูได้แสดงความสามารถผ่านทุกบทละคร ขอบคุณที่ติดตามมาตั้งแต่ละครเรื่องแรก จนปัจจุบันเรื่องที่ 9 แล้ว ไม่ว่าจะไปจังหวัดไหนก็มีแฟนละครตามที่ต่าง ๆ เสมอ มันเป็นกำลังใจสำคัญของหนู ที่เราทำการบ้านหนักแล้วคนดูก็ได้ความสุขกลับมา ขอบคุณที่ทำให้เราได้เรียนรู้ในความอิ่มที่แฟนอินในบทละคร และทำให้รักเราไปด้วย ก็ขอให้ติดตามผลงานแบบนี้ตลอดไป ฝากรักอีแพง และติดตามเรื่อง “เพื่อนแพง” ด้วยนะคะ” เห็นจากงานที่สาวปุ๊กลุกตั้งใจจนออกมาเป็นผลงานที่สุดยอดแบบนี้ เชื่อเลยว่าเรื่องความรักที่เธอคัดแล้วคัดอีก ก็ต้องได้ผู้ชายที่ดีมาเป็นคู่ชีวิตเช่นกัน.

วันวิสาข์ ดอกเงิน : เรื่อง / วรพรรณ เลอสิทธิศักดิ์ : ภาพ






ทีมา => => http://www.dailynews.co.th/entertainment/326359