เมื่อวันที่ 25 ต.ค. เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติธารโบกขรณี นำเรือตรวจการณ์ ออกสำรวจฉลามวาฬที่บริเวณรอบๆ หมู่เกาะห้อง เขตอุทยานแห่งชาติธารโบกขรณี ม.3 ต.เขาทอง อ.เมือง จ.กระบี่ หลังรับแจ้งจากเรือประมงพื้นบ้านว่า พบฉลามวาฬขนาดใหญ่ ยาวกว่า 10 เมตร ที่บริเวณระหว่างเกาะห้อง ต.เขาทอง อ.เมือง จ.กระบี่ และเกาะยาว จ.พังงา และฉลามวาฬที่พบได้รับบาดเจ็บด้วย ขณะที่เจ้าหน้าที่ทำการสำรวจสำรวจ บริเวณระหว่างเกาะห้อง และเกาะยาวน้อย จ.พังงา อยู่นั้น ปรากฏว่าพบฉลามวาฬ ขนาดใหญ่ประมาณ 3-5 ตัว ความยาวประมาณ 12 เมตร น้ำหนักประมาณ 2ตัน ว่ายเข้ามาอยู่ใกล้ๆ เรือบริเวณดังกล่าว ท่ามกลางความตื่นเต้นของนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติ ต่างหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปเป็นที่ระลึก เจ้าหน้าที่ตรวจสอบในเบื้องต้นไม่พบฉลามวาฬที่บาดเจ็บแต่อย่างใด นอกจากนี้ พบว่ามีฉลามหูดำเวียนว่ายอยู่ใกล้ตัวฉลามวาฬด้วย ซึ่งการที่ฉลามทั้งสองชนิดมาอยู่รวมกันนั้นน้อยมาก
นายวีระศักดิ์ ศรีสัจจัง หัวหน้าอุทยานแห่งชาติธารโบกขรณี เปิดเผยว่า จากกการสอบถามชาวเรือประมงทราบว่า ฝูงฉลามวาฬเข้ามาอาศัยที่บริเวณหมู่เกาะห้อง และบริเวณเกาะยาวน้อย เกาะยาวใหญ่ จ.พังงา เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา และมีฉลามวาฬที่บาดเจ็บรวมอยู่ด้วย แต่จากการสำรวจในครั้งนี้ไม่พบฉลามวาฬที่บาดเจ็บแต่อย่างใด เบื้องต้นคาดว่าน่าจะเป็นฝูงเดียวกัน แต่บางตัวก็อาจจะลอยตัวเล่นน้ำจึงอาจจะมองว่าบาดเจ็บ
ส่วนกรณีที่ฉลามมาอาศัยบริเวณหมู่เกาะห้อง เนื่องจากมีความอุดมสมบูรณ์ มีแหล่งอาหาร เช่น แพงตอน เหมาะแก่การอยู่อาศัย จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่คอยเฝ้าระวัง ไม่ให้ฉลามวาฬถูกรบกวน เพื่อให้ฉลามวาฬได้อยู่กับธรรมชาติ โดยฉลามวาฬเป็นปลาที่กินแพลงตอน เป็นอาหารไม่กัดคน จึงไม่เป็นอันตรายหากนักท่องเที่ยวอยู่ใกล้
นายวีระศักดิ์ กล่าวอีกว่า ในช่วงเดือนตุลาคมถึงเดือนธันวาคมของทุกปี จะพบฉลามวาฬเข้ามาที่บริเวณเกาะห้องเขตอุทยานแห่งชาติธารโบกขรณีในพื้นที่บ่อยครั้ง เนื่องจากมีแหล่งอาหารที่อุดมสมบูรณ์แต่ปีนี้พบมากที่สุดถึง 5 ตัว เจ้าหน้าที่จะนำเรือหางยาวออกสำรวจเพิ่มเติมอีกครั้งว่า จะมีฉลามวาฬหลงเหลือที่อาจได้รับบาดเจ็บ ตามที่ชาวบ้านได้พบเห็นหรือไม่ เพื่อการช่วยเหลือต่อไป อย่างไรก็ตาม ฉลามวาฬ ได้รับการประกาศให้เป็น สัตว์คุ้มครอง ประกาศลงวันที่ 28 มีนาคม 2543 โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ห้ามทำการประมงปลาฉลามวาฬ ถ้าหากฝ่าฝืนจะมีความผิดตามพระราชบัญญัติประมง
ทีมา => http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1445778773